พระครูสิริพัฒนกิจ (ขันธ์ กนฺตธโร)
เอื้อเฟื้อภาพโดย นครปฐมโฟโต้
เมื่อกล่าวถึงวัดพระศรีอารย์ ทุกท่านคงจะนีกถีงพระยอดขุนพลเนื้อดินผสมว่านซึ่งสร้างโดยท่านพระครูสิริพัฒนกิจ หรือที่ชาวบ้านเลือก รู้จักในนามหลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของชาวจังหวัดราชบุรี พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ เป็นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมสูงมากในช่วงปีพ.ศ.2508-2515 เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์มากในขณะนั้น ดังนั้นจึงเป็นพระเครื่องที่ชาวจังหวัดนครปฐมกล่าวขานถึงมากที่สุดมากกว่าพระเครื่องของหลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อน้อย
พระอุโบสถหลังเก่า (บูรณะซ่อมแซมแล้ว)
สระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์
วัดพระศรีอารย์ ตั้งอยู่เลขที่ 139 ซอยสุขาภิบาล 8 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่โดยประมาณ 40 ไร่ รอบๆบริเวณวัดโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย มีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การใช้เป็นแหล่งปฏิบัติธรรม เดิมวัดพระศรีอารย์ ชื่อ วัดสระอาน สันนิฐานว่าวัดสร้างประมาณปี พ.ศ.2275 ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่ก่อนเป็นวัดร้างไม่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เป็นวัดเก่าที่มีมาช้านาน มีพระอุโบสถเล็กๆ ขนาดกว้าง 7.75 เมตร ยาว 15 เมตร กำแพงรอบๆอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีสภาพเก่าและชำรุดทรุดโทรมมาก บริเวณรอบพระอุโบสถมีป่าต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นปกคลุมอยู่ทางทิศเหนือของพระอุโบสถ มีสระดินน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำข้ังตลอดทั้งปี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์
พระอุโบสถทองคำร้อยล้าน เริ่มก่อสร้างปี พ.ศ.2510
พระประธานหยกขาว
(พระประธานในพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน)
พระพุทธรูปองค์นี้หลวงพ่อขันธ์อัญเชิญมาจากประเทศพม่า
โดยคำแนะนำของหลวงพ่ออุตตมะ ( พระราชสังวรอุดม วัดวังก์วิเวการาม )
ประมาณปี พ.ศ.2475 เริ่มมีพระภิกษุสามเณรเข้าจำพรรษาแต่ไม่มากนัก(ประมาณ 2-3 รูป)จึงมีลักษณะเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2500 วัดสระอานได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระศรีอารย์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2510 วัดพระศรีอาย์จึงเป็นนิติบุคคลตามกฏหมาย
พระครูสิริพัฒนกิจ (ขันธ์ กนฺตธโร)
พระครูสิริพัฒนกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ นามเดิมว่า ขันธ์ นามสกุล พุ่มเกษม เกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2468 ปีฉลู อุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2488 โดยมีพระครูโพธาภิรมย์ วัดบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์
พ.ศ.2521 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านเลือก-หนองโพ
พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2514 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมที่พระครูสมุห์ขันธ์ของพระธรรมปิฏก วัดปทุมคงคารามวรวิหาร พระอารามหลวง
หลวงพ่อขันธ์มรณภาพวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2534
คำสอนของหลวงพ่อขันธ์
" คิดดี พูดดี ทำดี สามัคคี มีน้ำใจ "
" กินน้ำให้คิดถึงบุญคุณของคนขุดบ่อ"
" อย่าขี้เหนียว อย่าตระหนี่ จงถี่ถ้วน"
หลวงพ่อขันธ์เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็ย้ายมาจำพรรษาที่วัดพระศรีอารย์ เพราะบริเวณวัดสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ก่อนหน้านั้นวัดมีพระภิกษุจำพรรษาน้อยมากเพียง 2-3 รูป มีพระอาจารย์อินทร์ ธฺมมโชติ เป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์ในขณะนั้น (ประมาณปี พ.ศ.2475-2490)ต่อมาโจรผู้ร้ายได้เข้ามาทำการปล้นกุฏิพระอาจารย์อินทร์ จนเป็นเหตุให้พระอาจารย์อินทร์ ย้ายไปจำพรรษาที่วัดหนองรี ภาระการปกครองสำนักสงฆ์จึงตกแก่หลวงพ่อขันธ์โดยปริยาย(รักษาการเจ้าอาวาส ขณะบวชอยู่พรรษาที่ 2) หลวงพ่อขันธ์ท่านก็เป็นพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งที่บวชเพื่อจะสืบทอดพระศาสนา และเป็นการอุทิศส่วนบุญกุศลในการบวชให้แก่โยมบิดามารดา เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ท่านก็ต้องลาสิกขาออกมาประกอบอาชีพหรือช่วยเหลือบุพการีประกอบอาชีพ
ค่ำคื่นหนึ่งหลวงพ่อขันธ์ ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์ ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์ มาหาหลวงพ่อขันธ์ พร้อมกับกล่าวว่า ท่านขันธ์ ท่านอย่าลาสิกขา อยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อน ก่อนอื่นผู้เขียนขอเท้าความย้อนหลัง ในสมัยนั้น ถ้าหลวงพ่อขันธ์ท่านจะลาสิกขา จะต้องไปลาสิกขาที่วัดอื่น เพราะวัดพระศรีอารย์ในขณะนั้นมีพระภิกษุไม่ถึง 5 รูป ที่จะประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์
หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่ หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระตลอดจนวิชาอาคม ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่างๆ ซึ่งรายละเอียดผู้เขียนจะกล่าวถึงในตอนท้ายในส่วนของการสร้างพระ
หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน สมัยผู้เขียนเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 13 ปี (พ.ศ.2511) ผู้เขียนได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ เป็นพระยอดขุนพลพิมพ์กลาง ท่านกำชับว่า " ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ " และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า "แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"
บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้ (จากการบอกเล่าของคุณวิเชียร ภู่ระหงษ์ อายุ 63 ปี โทร 081-7577320เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553)
ศาลปู่ดำ ศาลปู่ขาว ศาลเจ้าพ่อเขางู สร้างปี พ.ศ. 2521
ค่ำคื่นหนึ่งหลวงพ่อขันธ์ ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์ ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์ มาหาหลวงพ่อขันธ์ พร้อมกับกล่าวว่า ท่านขันธ์ ท่านอย่าลาสิกขา อยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อน ก่อนอื่นผู้เขียนขอเท้าความย้อนหลัง ในสมัยนั้น ถ้าหลวงพ่อขันธ์ท่านจะลาสิกขา จะต้องไปลาสิกขาที่วัดอื่น เพราะวัดพระศรีอารย์ในขณะนั้นมีพระภิกษุไม่ถึง 5 รูป ที่จะประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์
หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่ หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระตลอดจนวิชาอาคม ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่างๆ ซึ่งรายละเอียดผู้เขียนจะกล่าวถึงในตอนท้ายในส่วนของการสร้างพระ
หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน สมัยผู้เขียนเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 13 ปี (พ.ศ.2511) ผู้เขียนได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ เป็นพระยอดขุนพลพิมพ์กลาง ท่านกำชับว่า " ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ " และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า "แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"
บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้ (จากการบอกเล่าของคุณวิเชียร ภู่ระหงษ์ อายุ 63 ปี โทร 081-7577320เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553)
1. ว่าน 1000 กว่าชนิดจากประเทศมาเลเซีย ว่านและมวลสารและดินและผงของวัดช้างให้(มวลสารที่เหลือจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พ.ศ.2497)
2. ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง
3. มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาถวาย
4. ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์ และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาติให้ผงตามที่ต้องการ เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์ ท่านก็รับใว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา(คุณคมน์ ภู่สุนทรศรี โทร.๐๘๕-๔๘๕-๘๗๘๘) นอกจากผงพุทธคุณที่กล่าวมาแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณที่เจ้าอาวาสรูปก่อนหลายรูปได้สะสมไว้เพื่อจะสร้างพระ แต่ไม่ทันได้สร้างอันเนื่องมาจากท่านมรณภาพก่อนหรือไม่ก็ลาสึกขาไปก่อน มวรสารที่กล่าวถึงนี้นอกจากเป็นผงพุทธคุณขอเกจิอาจารย์ใอดีตแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณเก่าแก่ของวัดเป็นจำนวนมากที่ตกทอดมาถึงมือท่าน
เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2504 สร้างพระประมาณ สี่หมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโองมังกรขนาดบรรจุ 200 ลิตร หลายใบ)แม้ท่านจะสร้างจำนวนมาก ท่านก็แจกใกล้จะหมดเหลือไม่กี่องค์
วาระที่สอง สร้างพระประมาณปี พ.ศ.2523-2524 สาเหตุการสร้างพระครั้งที่สอง เนี่องจากพระสร้างครั้งแรกหมดเหลีอไม่กี่องค์ แต่ประชาชนมีความศรัทธาท่านจึงสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระใหม่(มวลสารเหลือน้อยมากในขณะนั้นสร้างได้ประมาณไม่เกินสองหมื่นองศ์) หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า"จะสร้างให้ได้ หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้า งพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน" ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งประมาณหมื่นกว่าองศ์มวลสารก็ใกล้จะหมดก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อขันธ์ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยมาก ต่อมาหลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมดได้จำนวนมากตามที่ต้องการในปีพ.ศ.2543จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
พระยอดขุนพลที่หลวงพ่อขันธ์สร้างขึ้นมาในวาระสองนี้ หลวงพ่อได้ปลุกเสกพระในพระอุโบสถจนท่านมั่นใจในพระพูทธคุณ ท่านก็ได้แจกสมนาคุณประชาชนที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ผู้เขียนก็ได้รับแจกพระยอดขุนพลพิมพ์จิ๋ว(คะแนน)จากท่านที่วัด ผู้เขียนอยากได้พระยอดขุนพลพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อท่านบอกว่าหมดแล้ว
พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งบนฐานอาสนบัลลังก์บัวคว่ำบัวหงาย ปางมารวิชัยยกเว้นพิมพ์พุทธกวัก พระพักตร์เป็นศิลปะแบบอินเดียด้านหลังเรียบ เป็นพระเครื่องที่มีศิลปะสวยงามมากพิมพ์หนึ่งและเป็นพระที่มีพุทธคุณสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นพระที่มีประสบการณ์สูง ไม่ว่าจะด้านอุบัติเหตุรถยนต์ หรือป้องกันอาวุธปืนหรือมีด นอกจากนี้ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและทางค้าขายก็ดีเป็นเลิศ จึงเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในขณะนั้น(ประมาณปี พ.ศ.2508-2515) เป็นพระเครื่องที่ชาวจังหวัดนครปฐมกล่าวขานถึงมากที่สุดมากกว่าพระเครื่องของหลวงพ่่อน้อย วัดธรรมศาลาและหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมในขณะนั้น ส่วนราคาพระยอดขุนพลในขณะนั้นราคาองค์ละ 200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น(เหรียญหล่อรุ่นแรกของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ราคาประมาณ 600-700 บาท เหรียญหล่อคอน้ำเต้ารุ่นแรกหลวงพ่อน้อยราคาประมาณ 80-100 บาท)
จากประสบการณ์ของผู้เขียนสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ15-16 ปี ได้เห็นช่างซ่อมรองเท้าชื่อเล่นว่า มัน ช่างมันเมื่อเลิกงานตอนเย็นมักจะดื่มสุราเป็นประจำ เมื่อเกิดความมึนเมาก็จะเอามือกำพระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์และใช้มีดกรีดยางเฉือนลงไปที่แขนข้างที่มือกำพระอย่างแรงหลายครั้ง แต่ก็เฉือนไม่เข้า(แผงร้านช่างมันตั้งอยู่หน้าร้านประชามิตร ตลาดล่าง จังหวัดนครปฐม)
พระยอดขุนพลที่ผู้เขียนนำมาลงในบทความนี้ มีหลายแบบพิมพ์
พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ จัดได้ว่าเป็นพระที่มีการสร้างใกล้เคียงกับพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก (ปีพ.ศ.2497) ฉนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่มีนักสะสมพระบางท่าน กล่าวว่า "จะใช้พระยอดขุนพลแทนพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก (ปี 2497)ก็ได้ เพราะมีพุทธคุณไม่แพ้กัน"
ลำดับเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์
1. พระอธิการแถว
2. พระอธิการบุญ
3. พระอธิการอินทร์ ธฺมมโชติ ตั้งแต่ พ.ศ.2475-2490
4. พระครูสิริพัฒนกิจ(ขันธ์ กนฺตธโร) พ.ศ.2493-2534
5. พระครูสง่า ฐานิสฺสโร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
สุพล คีรีวิเชียร
081-0434114
2. ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง
3. มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาถวาย
4. ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์ และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาติให้ผงตามที่ต้องการ เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์ ท่านก็รับใว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา(คุณคมน์ ภู่สุนทรศรี โทร.๐๘๕-๔๘๕-๘๗๘๘) นอกจากผงพุทธคุณที่กล่าวมาแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณที่เจ้าอาวาสรูปก่อนหลายรูปได้สะสมไว้เพื่อจะสร้างพระ แต่ไม่ทันได้สร้างอันเนื่องมาจากท่านมรณภาพก่อนหรือไม่ก็ลาสึกขาไปก่อน มวรสารที่กล่าวถึงนี้นอกจากเป็นผงพุทธคุณขอเกจิอาจารย์ใอดีตแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณเก่าแก่ของวัดเป็นจำนวนมากที่ตกทอดมาถึงมือท่าน
เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2504 สร้างพระประมาณ สี่หมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโองมังกรขนาดบรรจุ 200 ลิตร หลายใบ)แม้ท่านจะสร้างจำนวนมาก ท่านก็แจกใกล้จะหมดเหลือไม่กี่องค์
วาระที่สอง สร้างพระประมาณปี พ.ศ.2523-2524 สาเหตุการสร้างพระครั้งที่สอง เนี่องจากพระสร้างครั้งแรกหมดเหลีอไม่กี่องค์ แต่ประชาชนมีความศรัทธาท่านจึงสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระใหม่(มวลสารเหลือน้อยมากในขณะนั้นสร้างได้ประมาณไม่เกินสองหมื่นองศ์) หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า"จะสร้างให้ได้ หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้า งพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน" ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งประมาณหมื่นกว่าองศ์มวลสารก็ใกล้จะหมดก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อขันธ์ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยมาก ต่อมาหลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมดได้จำนวนมากตามที่ต้องการในปีพ.ศ.2543จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
พระยอดขุนพลที่หลวงพ่อขันธ์สร้างขึ้นมาในวาระสองนี้ หลวงพ่อได้ปลุกเสกพระในพระอุโบสถจนท่านมั่นใจในพระพูทธคุณ ท่านก็ได้แจกสมนาคุณประชาชนที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ผู้เขียนก็ได้รับแจกพระยอดขุนพลพิมพ์จิ๋ว(คะแนน)จากท่านที่วัด ผู้เขียนอยากได้พระยอดขุนพลพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อท่านบอกว่าหมดแล้ว
พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งบนฐานอาสนบัลลังก์บัวคว่ำบัวหงาย ปางมารวิชัยยกเว้นพิมพ์พุทธกวัก พระพักตร์เป็นศิลปะแบบอินเดียด้านหลังเรียบ เป็นพระเครื่องที่มีศิลปะสวยงามมากพิมพ์หนึ่งและเป็นพระที่มีพุทธคุณสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นพระที่มีประสบการณ์สูง ไม่ว่าจะด้านอุบัติเหตุรถยนต์ หรือป้องกันอาวุธปืนหรือมีด นอกจากนี้ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและทางค้าขายก็ดีเป็นเลิศ จึงเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในขณะนั้น(ประมาณปี พ.ศ.2508-2515) เป็นพระเครื่องที่ชาวจังหวัดนครปฐมกล่าวขานถึงมากที่สุดมากกว่าพระเครื่องของหลวงพ่่อน้อย วัดธรรมศาลาและหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมในขณะนั้น ส่วนราคาพระยอดขุนพลในขณะนั้นราคาองค์ละ 200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น(เหรียญหล่อรุ่นแรกของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ราคาประมาณ 600-700 บาท เหรียญหล่อคอน้ำเต้ารุ่นแรกหลวงพ่อน้อยราคาประมาณ 80-100 บาท)
จากประสบการณ์ของผู้เขียนสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ15-16 ปี ได้เห็นช่างซ่อมรองเท้าชื่อเล่นว่า มัน ช่างมันเมื่อเลิกงานตอนเย็นมักจะดื่มสุราเป็นประจำ เมื่อเกิดความมึนเมาก็จะเอามือกำพระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์และใช้มีดกรีดยางเฉือนลงไปที่แขนข้างที่มือกำพระอย่างแรงหลายครั้ง แต่ก็เฉือนไม่เข้า(แผงร้านช่างมันตั้งอยู่หน้าร้านประชามิตร ตลาดล่าง จังหวัดนครปฐม)
พระยอดขุนพลที่ผู้เขียนนำมาลงในบทความนี้ มีหลายแบบพิมพ์
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์ใหญ่
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์กลาง
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์พุทธกวัก
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์พุทธกวักห้าเหลี่ยม
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์สมเด็จ
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์เล็ก
พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ พิมพ์จิ๋ว(คะแนน)
พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ จัดได้ว่าเป็นพระที่มีการสร้างใกล้เคียงกับพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก (ปีพ.ศ.2497) ฉนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่มีนักสะสมพระบางท่าน กล่าวว่า "จะใช้พระยอดขุนพลแทนพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก (ปี 2497)ก็ได้ เพราะมีพุทธคุณไม่แพ้กัน"
ลำดับเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์
1. พระอธิการแถว
2. พระอธิการบุญ
3. พระอธิการอินทร์ ธฺมมโชติ ตั้งแต่ พ.ศ.2475-2490
4. พระครูสิริพัฒนกิจ(ขันธ์ กนฺตธโร) พ.ศ.2493-2534
5. พระครูสง่า ฐานิสฺสโร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
สุพล คีรีวิเชียร
081-0434114
ไม่ทราบว่าตอนนี้ที่วัดยังมีให้บูชาพระของหลวงพ่อขันธ์หรือไม่ครับ
ตอบลบมี
ลบพระที่สร้างในสมัยของหลวงพ่อขันธ์หมดแล้ว มีแต่พระที่สร้างเสริมในสมัยพระครูสง่า ฐานิสฺสโร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ตอบลบเคยไปมาครับ พระสวยมาก โบสถ์ก็สวย
ตอบลบงานวัด ตลาดนัด งานEXPO ฟังเพลง แปรงฟัน กินข้าว ประชุม หายใจ อาบน้ำ ซักผ้า ช่องจอดรถ เดินฯลฯ มองดูเหมือน สิ่งแวดล้อม ชีวิต ความรู้สึก นึกคิด
ตอบลบคนเป็นสิ่งสูงสุด เพียงสน ใจ ตัว เอง
ตอบลบผมมีพระผงรุ่นพุทธกวักหนึ่งองค์ใครสนใจติดต่อ085-7041296
ตอบลบผมมีพระผงรุ่นพุทธกวักหนึ่งองค์ใครสนใจติดต่อ085-7041296
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบผมมีพระยอดขุนพลพิมพ์พุทธกวัก 2องค์ สนใจสอบถามได้ 089-7727368..ช้างครับ ประกันแท้ตลอดชีพ
ตอบลบพระที่สร้างชุดแรกมีกี่พิมพ์และมีความแตกต่างกับพระชุดที่สร้างครั้งหลังอย่างไร...สังเกตุยังไงครับ
ตอบลบมี 7 พิมพ์ ส่วนพระชุดแรกต่างกับพระชุดที่สองตอบยากมาก พระชุดแรกจะมีความแห้งและแกร่งกว่าชุดที่สอง พระจะหนากว่าชุดที่สองตอบแค่นี้คงจะเข้าใจยาก นอกจากได้เห็นพระมากๆ แต่บางองค์ก็วินิจฉัยยากเหมือนกันก็อย่าซื้อ
ตอบลบยุคแรกเอวเล็ก ขอบเกินซุ้มพระรอบด้าน รุ่นหลังองค์พระพอดีซุ้ม ขนาดพระยุคแรกจะเนื้อเยอะกว่า คือขนาดค่อนข้างใหญ่ ขอบเนื้อพระเกินรอบซุ้ม😄
ลบภาพที่โพสต์มายุคแรกทั้งนั้นเลยครับ และลองเอายุคใหม่กรุมาเทียบรูปดู เนื้อจะทำพอดีซุ้มพระ พิมใหญ่สังเกตุง่ายครับ
ลบอยากทราบประวัติควานเป็นมาของหมู่บ้านคะ
ตอบลบด้วยความเคารพนะขอรับ แล้วกรุแตกล่าสุดที่ใต้โลงแก้วบรรจุสังขารท่านนี่ใช่รุ่นแรกที่สร้างในปี 2504 ด้วยรึไม่ขอรับ? ^_^
ตอบลบต้องขอโทษครับผมไม่ทราบประวัตหมู่บ้าน ส่วนกรุแตกล่าสุดที่ใต้โลงแก้วไม่ใช่รุ่นแรกปี ๒๕๐๔
ตอบลบเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือทั่วลุ่มสองฝั่งริมแม่น้ำแม่กลองครับ "หากหาหลวงปู่ทวดรุ่นแรกไม่ได้ ก็ให้หายอดขุนพล วัดพระศรีอารย์นี่แหละที่แทนกันได้" ด้วยมวลสารของหลวงปู่ทวดรุ่นแรกของวัดช้างไห้ เป็นส่วนผสมมวลสารในยอดขุนพลครับ ประสบการณ์พระมากมายครับ เดินทางปลอดภัย อธิฐานขอบนบานจากองค์พระที่คล้องคอตามศรัทธาได้เลย สาธุ
ตอบลบพระสวยพุทธคุณสูงน่าเช่าหามาบูขา
ตอบลบตอนนี้หมดหรือยังครับ
ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปที่วัด
ผมอยู่นครปฐมใกล้ๆกัน
ผมก็คนนครปฐมเหมือนกันถ้ามีโอกาศอยากรู้จักครับ
ลบ